วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

MISSION 4 FINDING MY IDOL


           ตามที่ assignment ครั้งนี้ได้กำหนดให้นักศีกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 5 อย่างฉันออกตามหารุ่นพี่สถาปนิกที่อาวุธโสกว่า 10 ปี เพื่อสัมภาษณ์เกี่ยวกับความคิดเห็นต่างๆ ในมุมมองของสถาปนิกผู้มีประสบการณ์  ฉันจึงเริ่มหาแหล่งข้อมูล ซึ่งแน่นอน รุ่นพี่ที่สำเร็จการศึกษาจากคณะสถาปัตย์ ลาดกระบังไป 10 ปี อยู่ที่นั่นค่ะ
ในที่สุดก็มาถึง  SERVICE ARCHITECTURE ที่นี่เป็น office เล็กๆตั้งอยู่บนถนนสุทธิสาร มีพี่โต่น หรือ คุณสุพล  เทียมปโยธร ทำงานร่วมกับคณะอีกสามสี่คน หลังจากแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเราก็เริ่มสัมภาษณ์กันค่ะ
 พี่แนะนำตัว
        พี่ชื่อ สุพล เทียมปโยธร หรือ พี่โต่น เริ่มเข้ารับการศึกษาที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เมื่อปี 2536 จบการศึกษาปี 2541  รหัส 45  หลังจากเรียนจบก็ทำงานเพื่อหาประสบการณ์ก่อนหนึ่งปีก่อนที่จะเข้าศีกษาต่อระดับปริญญาโท สาขา urban design ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร

 รูปแแบงานส่วนมากที่ได้ออกแบบ
        เป็นบ้านพักอาศัย และก็พวกงานวางผัง ออกแบบ master plan

 แนวทางหรือขั้นตอนการทำงาน 
             การจัดสรรค์เวลาต่างๆ ถือเป็นหลักสำคัญมากในการประกอบวิชาชีพสถาปนิกส่วนแนวทางหรือขั้นตอนการออกแบบ ก็แล้วแต่ประเภทของงาน และก็ความต้องการของลูกค้า  จริงๆแล้วพี่ก็ใช่หลักตามที่น้องเรียนกันนี่แหละ เริ่มจากมี bubble diagram ก่อนแต่พวกเราชอบลืมไป จริงๆแล้วมันประโยชน์มาก เวลาแก้แบบ หรือพัฒนาแบบครั้งต่อไปอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือ พี่คิดว่าลูกค้าคือเพื่อนของเราคนหนึ่ง แต่เป็นเพื่อนที่เราต้องเก็บเงินค่าแบบจากเขา  การปฎิบัติตัว หรือการร่วมงานกันแต่ละครั้งต้องมีความจริงใจ  มีมิตรจิตมิตรใจ อะลุ่มอล่วย  สร้างความประทับใจต่อกัน แล้วสิ่งดีก็จะกลับมาเป็นงานชิ้นต่อไป

ความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกแบบเชิงอนุรักษ์
                จริงๆพี่ก็ไม่ได้ชอบ แต่คิดว่ามันสามารถนำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ร่วมกับการออกแบบตามแนวทางของเรา มันเป็นจุดขายของงานได้ แล้วปัจจุบันทั่วโลกก็กำลังตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องการใช้ทรัพยากร ก็เกี่ยวโยงไปถึงการเลือกใช้วัสดุกรรมวิธีการก่อสร้างต่างๆ แรงงาน การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ให้คุ้มค่ามากที่สุด

อุปสรรคต่างๆ
                 การสื่อสารกับลูกค้า การทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แม้กระทั่งวิธีการพูด กิริยาท่าทาง ก็สามารถเป็นตัวตัดสินว่าลูกค้าจะเซ็นต์สัญญากับเราหรือป่าว  เรื่องของการขออนุญาตจากทางราชการต่างๆ

ความคิดเห็นเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพ
                  เป็นสิ่งที่ดีและเป็นพื้นฐานที่คนที่เป็นสถาปนิกพึงปฏิบัติอยู่แล้วทั้งต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อลูกค้า

อยากจะบอกอะไรกับรุ่นน้องบ้าง
                  อยากให้ทบทวนprocess ของการทำงานดีๆ ตั้งแต่เรียนมาเหมือนพอส่งงานก็จบไป แต่ จริงๆแล้วมันสามรถนำมาใช้ในการทำงานจริงได้ แต่ละโปรเจคก็มีอะไรซึ่งมันแตกต่างกันอยู่ แล้วก็ไม่อยากให้น้องๆเป็นสถาปนิกที่คิดว่าตัวเองทำงานคนเดียวก็สำเร็จได้ อย่าคิดว่าตัวเองเป็น great architect เพราะโปรเจก อยากให้นึกถึงคนรอบข้างไว้มากๆ

หลังจากที่นั่งคุยกับพี่โต่นเสร็จเราก็เก็นภาพบรรยากาศของoffice เล็กๆของพี่เค้ามาฝากกันค่ะ

มุมของสะสมของสถาปนิก
โต๊ะทำงานถูกกั้นแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน


 ในฐานะที่กำลังจะเป็นสถาปนิกรุ่นน้อง ขอขอบคุณรุ่นพี่ที่มาบอกเล่าประสบการณ์และทัศนคติต่างๆเป็นอย่างมากค่ะ และขอขอบคุณท่านอาจารย์ไกรทอง โชติวุฒิพัฒนา ผู็้้มอบหมาย assignment ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดมุมมองก่อนที่หนูจะไปเป็นสถาปนิกอย่างเต็มตัวได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

ชีวประวัติ
นายองอาจ สาตรพันธุ์ ปัจจุบันอายุ 66 ปี เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2487 กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรคนสุดท้อง ในจำนวนพี่น้อง 4 คน บิดาชื่อนายอัญ สาตรพันธุ์ มารดาชื่อนางลำเจียก สาตรพันธุ์ สมรสกับนางรุจิรัตน์ วิจิตรานนท์
ด้านการศึกษา
พ.ศ. 2499-2503   มัธยมศึกษาปีที่ 8 โรงเรียนปานะพันธุ์วิทยา กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. 2503-2508   Cornell University , Ithaca, N.Y., สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2509 -2510  Yale University , New Haven, CT., สหรัฐอเมริกา

การทำงาน
บริษัท Glen Paulsen & Associates Architects, Bloomfield Hills, Michigan, สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2512 ก่อตั้งสำนักงาน องอาจสถาปนิกถ.ศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร
ผลงาน
อาคารโรงเรียนปานะพันธ์วิทยา
คอร์บูเซียนริมถนนลาดพร้าว
ตึก 9 โรงเรียนปานะพันธืวิทยา (2513)
จะเป็นอย่างไร หากอาคารคอนกรีตเปลีอยอิงหลักห้าประการ และสามข้อพึงคิดสำหรับสถาปนิกของกูรูแห่งสถาปัตยกรรมโมเดิร์น เลอ คาร์บูชิเอร์ ปรากฏขึ้นในบริเวณโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งละแวกลาดพร้าว ซึ่งเดิมเป็นทุ่งนา
เพือตอบโจทย์ความสัมพันระหว่างรูปทรงอาคารกับสภาพที่ตั้ง บนพื้นที่สามเหลื่ยมค่อนไปทางแคบ
 ริมถนนลาดพร้าว องอาจ สาดรพันธุ์ ออกแบบอาคารกลม ไม่มีด้านหน้าหลังที่ชัดเจน ภายในจัดสรรเนื้อที่ใช้สอยเป็นสี่เหลี่ยม ภายในถูกออกแบบเป็นครีบ ยื่นลอยจากเสาเพื่อทำหน้าที่เป็นแผงกันแดดและฝน สร้างแสงเงาที่ต่างในแต่ละช่วงเวลา ส่วนพื้นผิวของตัวอาคารนั้นแสดงความงามตามเนื้อแท้ของผิววัสดุคอนกรีตเปลือยและอิฐ
ความแปลกของรูปลักษณ์อาคารที่ได้ศึกษาหลักการอย่างจริงจังตามปรมาจารย์ชาวตะวันตก ตึก 9 โรงเรียนปานะพันธุ์วิทยา จึงเป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้ที่ผ่านไปมา และสร้างภาพใหม่ของโรงเรียนไทยที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

อาคารตึกช้าง



 อาคารนี้เป็นอาคารประเภทอาคารสำนักงานและพักอาศัยรวม เป็นอาคารขนาดใหญ่พิเศษ รูปลักษณ์ของอารถูกบังคับตามพื้นที่ดินที่มีลักษณะยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว กฎหมายและความต้องการของเจ้าของโครงการ เริ่มแรกคูณองอาจบอกว่า อาคารถูกแบ่งออกเป็นสามทาวเวอร์ แต่เนื่องจากต้องการพื้นที่ขายที่มากจึงจำเป็นต้องเชื่อมสามทาวเวอร์เวอร์เข้าด้วยกัน แต่ด้วยข้อกำหนดเรื่องพื้นที่เปิดโล่ง จึงทำให้เชื่อมอาคารได้เพียงส่วนบนและเกิดช่องว่าขนาดใหญ่สองช่อง  ต่อมาเจ้าของโครงการเห็นว่าอาคารมีลักษณะคล้ายช้างและส่วนตัวเป็นคนที่ชื่นชอบช้างอยู่แล้วจึงมีการออกแบบตกแต่งส่วนของอาคารเพิ่มเพื่อให้เหมือนช้างจริงๆ

แทมมาริน วิลเลจ (เฮือนแทมมารีน)



เฮือนแทมมารีน ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงใหม่ ในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ โดยตั้งอยุ่ข้างๆวัดอุโมงค์ เมื่อมองจากcourtภายในโรงแรม ก็จะพบยอดเจดีย์ของวัดราวกับอยู่ในรั้วเดียวกัน โรงแรมนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่2ไร่ครึ่ง เป็นกลุ่มเรือนต่างๆ เมื่อแรกเข้ามาที่โรงแรมจะต้องเดินผ่านทางเข้าโค้งแคบ ยาว มืด ที่ยาวเพียง 23 เมตร ที่หยิบยืมลักษณะscaleของวัดไหล่หินมาใช้ และหยิบยืมplane ตามระดับต่างๆของวัดต้นเกว๋น มารับใช้ในการสร้างสายตาให้เกิดภาวะส่วนตัวกับแขกผู้มารับใช้โรงแรม
ที่แม้ว่าจะมีสระว่ายน้ำอยู่ด้านหน้าโรงแรมก็ตาม ก็ใช้เรื่องของplaneต่างๆของทั้งสองวัดนี้มาสร้างprivacyได้อย่างแยบยล ชายคากดเตี้ยให้ตัดสายตาสู่พื้นเบื้องล่าง และลดทอนแสงที่จะเข้ามาสู่ที่ว่าง  หัวใจของโรงแรมมะขามนี้อยู่ที่courtที่ล้อมต้นมะขามอายุกว่า100ปี ที่ปล่อยใบของมัน ร่วงหล่น เงามืดใต้ชายคา ทางเดิน ความเงียบสงบแบบเย็นๆ และเสียงเพลงทำนองล้านนา ที่แว่วมาจากที่ใดไม่ทราบได้ หรือมันเปล่งออกมาจากบรรยากาศแบบล้านนาที่ห้อมล้อมเฮือนแทมมารีนนี้ไว้ก็เป็นได้
อาคารเรียนฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์









sketch เป็นที่ระทึก
ที่นี่เป็นสถานที่หนึ่งที่ตัวดิฉันได้ไปสัมผัสมาด้วยตนเองค่ะ เมื่อเข้าสู่เขตคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฉันมองหาตึกฟิสิกส์ จุดสังเกตุหนึ่งที่ช่วยย่นระยะเวลาในการเดินหาในมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ คงหนีไม่พ้นรูปลักษณ์ภายนอกของอาคารที่เป็นคอนกรีตเปลือย แสดงให้เห็นถึงแนวความคิดสัจะวัสดุ
 สัจจะวัสดุที่เป็นข้อบ่งบอกถึงความสถาปัตยกรรมยุคโมเดิร์น ทางลาดโค้งทอดยาวด้านหน้าอาคารทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อพื้นที่ภายนอกและภายในอาคารตามแบบฉบับเดียวกับตึก 9โรงเรียนปานะพันธุ์วิทยา สภาพของอาคารส่วนมากยังคงเดิมตามแบบฉบับ มีเพียงการปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่บางส่วนให้เหมาะสมกันละษณะการใช้งานและจำนวนผู้ใช้ที่เปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย ถือว่าอาคารเป็นอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัยจริงๆค่ะ


 
โรงแรมราชมรรคา

โรงแรม ราชมรรคา ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงใหม่ หลังวัดพระสิงห์ ท่ามกลางบรรยากาศส่วนตัว ร่มรื่นด้วยหมู่ไม้ โดดเด่นด้วยแรงบันดาลใจ ชะลอรูปแบบจากวิหารวัดพระธาตุลำปางหลวง   ผสมผสานด้วยศิลปะแห่งล้านนา รวมกลิ่นอายวัฒนธรรม 3 ชาติ คือ จีน ลาว พม่า ได้อย่างลงตัวไม่ไกล ยังมีแหล่งท่องเที่ยว ทั้งอนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ วัดเจดีย์หลวง และ กาดหลวงไนซ์บาซาร์ ใครจะมาเมืองเชียงใหม่ หากได้สัมผัส โรงแรม ราชมรรคา ก็คือ จินตนาการอันเป็นจริงของความตระการตาแห่งบรรยากาศล้านนาโดยแท้






รางวัลและเกียรติคุณที่ได้รับ
รางวัล The Baird Prize       จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล
รางวัลสถาปนิกดีเด่น          จากสมาคมสถาปนิสยาม และรางวัลส่งเสริมเชียงใหม่งามจากสถาปนิกล้านนา 52
พ.ศ. 2503              ได้รับรางวัล “The York Price” จาก Cornell University
พ.ศ. 2505              ได้รับรางวัล “The Baird Prize” จาก Cornell University
พ.ศ. 2525
ได้รับรางวัลผลงาน สถาปัตยกรรมดีเด่นจาก Henkel Thai Factory
ได้รับรางวัลผลงาน สถาปัตยกรรมดีเด่นโดยการออกแบบบ้าน ดร.กร - ท่านผู้หญิงนิรมล สุริยสัตย์ จากสมาคมสถาปนิกสยาม
พ.ศ. 2537              ได้รับรางวัล สถาปนิกดีเด่นในวาระครบรอบ 60 ปี จากสมาคมสถาปนิกสยาม
พ.ศ. 2545              ได้รับรางวัล ส่งเสริมเชียงใหม่งามโดยการออกแบบโรงแรมแทมมารินวิลเลจ จากสถาปนิกล้านนา 45
พ.ศ. 2552              ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ด้านสถาปัตยกรรมร่วมสมัย

หลังปี พ.ศ.2510 ขณะที่ประเทศยังเพิ่งเรียนรู้คำว่า อุตสาหกรรม สถาปนิกผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ รับรูปแบบสถาปัตยกรรมโมเดิร์น ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการปฏิวัติรูปแบบสังคม และเศรษฐกิจ ด้วยระบบอุตสาหรรมในโลกตะวันตก เข้ามาพยายามประยุกต์ใช้กับเทคนิคการก่อสร้างและวัสดุท้องถิ่นที่มีอยู่อย่างจำกัด
อาคารรูปทรงเลขาคณิตและเทคนิคการหล่อคอนกรีต ที่กลายเป็นแฟชั่นใหม่แทนการก่ออิฐถือปูนแบบเดิม ๆ มาพร้อมกับการจัดวางผังอาคาร โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเพื่อประหยัดการใช้พลังงาน และการออกแบบแผงกันแดดให้ตอบรับทิศทางแสงเพื่อนำเสนอทางอกใหม่แทนการใช้ชายคา พื้นผิวเปลีอยแสดงเนื้อแท้ของวัสดุเปลี่ยนภาพลักษณ์อาคารให้ดูทันสมัย และเทคโนโลยีคอนกรีตเสริมเหล็กอำนวยความสะดวกในการออกแบบพื้นที่ใช้สอย
สถาปัตยกรรมไทยในยุคสมัยนี้สะท้อนความพยายามในการทดลองหาความเป็นไปได้ระหว่างความซาบซึ้งในสถาปัตยกรรมโมเดิร์น ตลอดจนรสนิยมและมุมมองความงาทที่เปลี่ยนไปของเหล่าสถาปนิกกับสภาพพื้นที่เขตร้อนของไทย
นายองอาจ สาตรพันธุ์ เป็นสถาปนิกที่ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย ที่มีความสามารถในการสืบทอดและประยุกต์ใช้ศิลปะแบบดั้งเดิมผสมผสานกับศิลปะสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืน และแสดงให้เห็นถึงรากเหง้าของวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี ได้รับรางวัลมากมายจากหลายๆสถาบันทางด้านสถาปัตยกรรมร่วมสมัย เช่นอาคารตึกช้าง อาคารโรงเรียนปานะพันธ์วิทยา อาคารเรียนฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นกรรมการตัดสินผลงานดีเด่นทางสถาปัตยกรรมของสมาคมสถาปนิกสยาม เป็นผู้ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่างมากมาย จึงได้รับเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ปี 2552 สาขาทัศนศิลป์ ด้านสถาปัตยกรรมร่วมสมัย

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ส ถ า ปั ต ย์ สั ญ จ ร

I N T R O   T R I P
ชุมชนริมทาง-อาศรมศิลป์
                     นักศึกษาสน.และสถ.ออกทริปร่วมกัน วันนี้อ.จิ๋วพาไปดูวิถีชีวิต ที่อยู่อาศัยของชุมชนเล็กริมทาง (ไม่รู้ว่าที่ไหน เพราะหลับตลอดทางเลยค่ะ ประมาณว่าแถวสุขสวัสดิ์อะไรประมาณนั้นค่ะ)
ชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพทำนา และแบ่งพื้นที่เล็กๆในผืนนามาปลูกสร้างที่อยู่อาศัย วิธีการสร้างมาสลับซับซ้อนสามารถสร้างเองได้ วัสดุส่วนใหญ่ไม่มีการปิดผิวแต่อย่างใด การระบายอากาศเป็นวิธีธรรมชาติ บ้านเพิ่มเป็นเรือนหมู่หลายหลังมากขึ้นตามจำนวนสมาชิกที่มีคู่ครอง แต่ก็ยังอยู่ในละแวกเดียวกัน มีการเอื้อเฟื้อพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน







อาศรมศิลป์-โรงเรียนรุ่งอรุณ
                   โรงเรียนและสถาบันต้นแบบของวิถีชีวิตแบบพึ่งตนเอง เราเข้าเยี่ยมชมเรือนไทยหมู่ที่สร้างตามแบบฉบับดังเดิม เป็นเรือนสองชั้น เปิดคอร์ทตรงกลาง ปลูกต้นไม่ใหญ่เพื่อให้ร่มเงา ใช้เป็นสำนักงานของโรงเรียนรุ่งอรุณ ทั้งธุรการ ทะเบียน ห้องประชุม และห้องผู้บริหาร จากนั้นก็เดินชมบรรยากาศโดยรอบ ผ่านทางเดินไม่ยาวล้อมรอบบ่อน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ภูมิทัศน์ส่วนใหญ่มีการปลุกต้นไม้พุ่ม ยืนต้นสลับกันแบบธรรมชาติ เพื่อป็นแหล่งเรียนรูด้วยตนเองสำหรับเด็ก

อาศรมศิลป์ ประกอบไปด้วยบริษัทผู้ออกแบบด้านสถาปัตยกรรมที่มีแนวความคิดในการออกแบบชัดเจนคือ สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น และส่วนหนึ่งเป็นสถาบันสอนด้านสถาปัตยกรรมในระดับมหาบัณฑิต รูปแบบอาคารเป็นเรือนไม้สามชั้น มีการเล่นระดับ ส่วนโถงทางเข้า กับตัวอาคาร ภายในสำนักงานมีการจัดสรรพื้นที่แบบ space within space เป็นห้องเพดานสองภายในมีการจัดพื้นที่ทำงานเป็นสามระดับ เปิดโล่งตรงกลาง











INTRO TRIP AGAIN สระบุรี
                   บ้านเขาแก้ว จ.สระบุรี ประกอบไปด้วยบ้านทรงไทยเก่า แต่ละหลังมีอายุมากกว่า 80 ปี เก็บรักษาโดย อาจารย์ทรงชัย วรรณกุล โดยได้เริ่มสะสมบ้านทรงไทยแบบดั้งเดิมมากว่า 30 ปี แล้วนำมาปลูกไว้ในพื้นที่ของตนเองบริเวณริมแม่น้ำป่าสัก
เมื่อเดินข้ามคูน้ำที่ล้อมรอบบ้าน ลอดผ่านซุ้มประตู ลานดินขนาดใหญ่ที่ร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่สร้างความรู้สึกร่มรื่น และสร้างความรู้สึกต้อนรับเป็นกันเองให้กับผู้มาเยือน ตัวบ้านเป็นบ้านโบราณที่ได้มาจากที่ต่างๆเป็นลักษณะชั้นเดียวยกใต้ถุนสูง ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าลานดินสอดตัวเข้าไปใต้ถุนบ้าน เป็นการเชื่อมต่อกันของ ใต้ถุนกับลานดินได้เป็นอย่างดี








เมื่อเก็บภาพบรรยากาศของบ้านเขาแก้วเสร็จก็เป็นเวาลอาหารกลางวันพอดี เราข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของถนน ซึ่งเป็นหอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยยวน สาเหตุที่อาจารย์ได้คิดริเริ่มก่อตั้งหอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยวนขึ้น ก็เนื่องมาจากแนวความคิด 3 ส. คือ ส. แรก - สืบสาวเรื่องราวความเป็นมา ส. ที่สอง - สานต่อวัฒนธรรมให้คงไว้ และ ส. ที่สาม - เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในชุมชนไทยวนด้วยกัน อ.จริงได้จัดทำหอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยยวน ขึ้นมาและมีการสอนศิลปะ ฟ้อนรำให้เด็กให้แก่เด็กๆในหยุดอีกด้วย ที่นี่เรากินก๋วยเตี๋ยว ขนมหวาน พร้อมไปกับดูการฟ้อนรำของเด็ก ในบรรยากาศที่ร่มรื่น การจัดเวที กับพื้นที่ริมน้ำที่แยบยล โดยยกพื้นที่เวทีสูงเกาะตัวอยู่กันsloe ที่ใช้เป็นตลิ่งไปในตัว การแรกตัวของต้นไม้กับลานพื้นไม้ และเรือนโบราณได้อย่างลงตัว


สองสัปดาห์ผ่านไป
วั น เ ส า ร์ เ จ็ ด โ ม ง ค รึ่ ง ที่ เ ดิ ม น ะ เ พื่ อ น ๆ
                 คำบอกเล่าต่อกันของเหล่า สถ.๕  หลังจากที่การเรียนคาบสุดท้ายของสัปดาห์สิ้นสุดลง  การไปทริปครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ตัวฉันเองเคยเฝ้ารอคอย  เหมือนกับว่าเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บอกว่า ฉันเป็นนักศึกษาสถาปัตย์ ลาดกระบังปีสุดท้าย อย่างเต็มตัวแล้ว

2 4 / 0 7 / 1 0   7:50  am.  “ ล่ ก

                ร ถ ยั ง ไ ม่ อ อ ก แ ต่ ค น เ ริ่ ม เ ต็ ม ร ถ แ ล้ ว   ทันทีที่ฉันขึ้นเพื่อนๆหลายคนกำลังจะหลับ  และแล้วล้อก็เริ่มหมุน เราออกจากคณะ เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกที่ไม่มีใครรู้  เรากำลังจะไปไหนวะบทสนทนาระหว่างการเดินทางเริ่มต้นขึ้นและก็เงียบลงในที่สุด  ทุกคนอยู่ในภวังค์  หลับเอาแรงสิคะ
ระหว่างทางฉันหลับๆตื่นๆ แต่วันนี้อากาศดีค่ะ ไม่มีแดดเลย (เหมือนฝนจะตก) กำลังสบาย รู้สึกเหมือนกำลังจะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนทั้งห้อง คงสนุกพอตัวเลยล่ะ ฉันเริ่มมีความสุขอยู่กะตัวเอง

ส า ม ชั่ ว โ ม ง ผ่ า น ไ ป  อ้ า ว ว ว ............ล ง
ทุ่งนาเขียวเขียว  จ.อุทัยธานี


บ้านเรือนแพริมแม่น้ำสะแกกรัง
                ที่นี่เป็นตัวอย่างของชุมชนริมน้ำที่หลงเหลืออยู่  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันชาวบ้านที่นี่มีชีวิตพึ่งพิงแม่น้ำสายหลักของจังหวัด อย่างแม่น้ำสะแกกรังเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ทั้งในการดำรงชีวิตและเป็นแหล่งที่ใช้ทำมาหากิน เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการดำรงชีวตแบบพึ่งพึงธรรมชาติ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้บรรพบุรุษหวงแหนและดูแลรักษาธรรมชาติ




2 5 / 0 7 / 1 0    8:30  am “ เ มื อ ง ร ถ ม้ า 

                ที่ นี่ เ ร า ฝ า ก ท้ อ ง ต อ น เ ช้ า ไ ว้ กั บ ร้ า น ข้ า ว ซ อ ย ข้  า ง โ ร ง แ ร ม ค่ ะ   จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางไปยังจุดหมายแรกของวันนี้

วัดเสลารัตนปัพพะตาราม
                   ชาวบ้านเรียกว่า ” วัดไหล่หิน ”  หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน หรืออีกชื่อที่ชาวบ้านรุ่นก่อนๆรู้จักกันในนาม วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว เมื่อเดินเข้าซุ้มประตูทางเข้าวัด จะพบกับลานทรายขนาดใหญ่ที่ช่วยสร้างให้บรรยากาศภายในวัดดูร่มรื่รผิดหูผิดตาจากวัดในปัจจุบัน ด้วยลานแบบดั้งเดิมคือจะเป็นลานทรายต่อด้วยทางเดินยาวที่มีตระไคร่สีเขียวชะอุ่มขึ้นอยู่ประปรายทอดตัวสู่วิหาร พื้นที่บริเวณลานทรายมีการปลูกต้นศรีมหาโพธิ์อยู่บริเวณด้านขวาของลาน  นอกจากจะช่วยให้ร่มเงาแล้ว ผู้ออกแบบชาวล้านนายังใช้ต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นตัวกำหนด ขอบเขตของspace ได้อย่างลงตัว เมื่อเดินผ่านลานทรายเข้าไปด้านในจะเจอกำแพงแก้วและซุ้มประตูเพื่อเข้าวิหาร สัดส่วนของทั้งกำแพงแก้ว วิหารและซุ้มประตูและการจัดสรรที่ว่างที่เป็นลานทรายภายในกำแพงแก้ว เป็นไปอย่างกระชับ







ง า ม พ ร ะ ธ า ตุ ลื อไ ก ล
                     จุดหมายต่อไปของวันนี้คงเป็นอีกที่หนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องแวะมาสักการะพระธาตุที่สำคัญของจังหวัดลำปางเพื่อเสริมสิริมงคล คงหนีไม่พ้น พระธาตุลำปางหลวง ตัววัดตั้งอยู่บนเนินสูง มีการจัดวางผัง และส่วนประกอบของวัดที่สมบูรณ์แบบ(ที่ก่อสร้างในสมัยก่อนไม่นับรวมที่ต่อเติม) ในบริเวณพุทธาวาสประกอบด้วย องค์พระธาตุลำปางหลวงเป็นประธาน มีบันไดมกรคาบนาคนำขึ้นไปสู่ซุ้มประตูโขง วิหารหลวง วิหารบริวาร หอพระพุทธบาท  วิหารพระพุทธ และ อุโบสถ ทั้งหมดนี้จะแวดล้อมด้วยแนวกำแพงแก้วทั้งสี่ด้าน นอกกำแพงแก้วด้านมีประตูที่จะนำไปสู่เขตสังฆาวาส ซึ่งประกอบด้วยอาคาร หอพระไตรปิฎก กุฏิประดิษฐาน พระแก้วดอนเต้า อาคารพิพิธภัณฑ์และกุฏิสงฆ์






               แม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง แต่การจัดผังบริเวณใหม่ การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ได้ทำลายความงามที่มีอยู่เดิม เนื่องจากมีการแยกส่วนที่เป็นร้านขายของ ลานจอดรถที่เป็นคอนกรีตออกจากบริเวณวัด ช่วยคงความสงบและเอกลักษณ์เดิมของวัด ช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ คงต้องมอบความดีความชอบให้ผู้ออกแบบ ที่มีความเข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งเก่าๆที่ลดน้อยลงทุกวัน

วัดปงยางคก
               อีกวัดหนึ่งที่อาจารย์นำเสนอให้เห็นการจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศรอบๆ
เมื่อเข้าสู่บริเวณวัด ผ่านประตูจะพบกับวิหารเดิมและมีวิหารใหม่ขนาบข้างกัน ที่วัดนี้ทำให้เราเห็นถึงความต่างกันอย่างสุดขั้วของวิหารสองหลัง หลังเดิมเป็นวิหารพระแม่เจ้าจามเทวี มุงด้วยดินขอเกล็ด วิหารนี้เป็นวิหารที่มีขนาดเล็ก กระชับ ลักษณะทั่วไปของวิหารไม่เหมือนกับวิหารในสมัยปัจจุบัน โถงของวิหารทำด้วยไม้ เปิดโล่งตลอดไม่มีประตูและหน้าต่าง ตอนสุดท้ายของวิหารมีผนังก่ออิฐฉาบปูนทึบสามด้าน  ลักษณะของการก่อสร้างเป็นศิลปะสถาปัตยกรรมแบบลานนา หลังคาสามชั้น เป็นวิหารไม้ที่มีความสวยงามมาก เป็นแบบฉบับของลักษณะสถาปัตยกรรมภาคเหนือ



ส่วนวิหารหลังใหม่นั้นแตกต่างกันทั้งสัดส่วน การประดับกระจกสี และการใช้สีที่ฉูดฉาดตามแบบฉบับวิหารในสมัยใหม่

หลายคนเริ่มร้อนและเหนื่อย และหิวแล้ว แต่ ก า ร เ ดิ น ท  า ง ข อ ง วั น นี้ ยั ง ไ ม่ สิ้ น สุ ด
หมู่บ้านและวิถีชิวิตของชาวบ้านรอเราอยู่ สู้ต่อไป........




2 6 / 0 7 / 1 0    9 : 0 0  a m. “  ข้ า ว เ ห นี ย ว ห มู ห่ อ ใ บ ต อ ง ร้ อ น ๆ
                     วันนี้ทุกคนต้องเตรียมอาหารกลางวันไปกินด้วย ทำให้ต้องตื่นเช้ากว่าเดิมซึ่งสำหรับฉันแล้วมันค่อนข้างจะ ส ลึ ม ส ลื อ ค่ะ แต่โชคดีที่เรามีแม่ศรีเรือนอย่างซีอยู่ในกลุ่มค่ะ ถ้าไม่ได้ซี ฉันคงไม่มีข้าวกลางวันกิน  ข อ บ คุ ณ ข้ า ว เ ห นี ย ว ห มู เ ค็ ม ข อ ง ซี (ที่ซื้อมาให้) หลังจากที่สมาชิกพร้อม ล้อก็เริ่มหมุนและพาพวกเราไปยังจุดหมายแรกของวันนี้

วัดพระแก้วดอนเต้า
                       มีมณฑปพม่า เป็นยุคที่งานพม่าแล้วมีอังกฤษมาเกี่ยวข้องอ.จิ๋วชี้ให้เห็นคิวปิดที่แฝงอยู่ในงาน 
ภายในโบสถ์ที่เป็นแบบเปิดโล่ง  สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการจากต่างชาติ ซึ่งก็คืออังกฤษ
คือการที่มีการนำกระจกสีเข้ามาใช้ตกแต่งภายในอาคาร ให้ความรู้สึกไปอีกแบบ
การตกแต่งที่มากมายทั้งภายนอกและภายในก็สร้างความประทับใจให้ผู้เข้าชมมากทีเดียว
ไปเสี่ยงเซียมซีมาด้วยค่ะ ได้ใบที่ยี่สิบเอ็ด ไม่ค่อยดีอ่านแล้วก็เก็บไว้ที่เดิมดีกว่า ไปเสี่ยงที่ใหม่เผื่อจะดี5555 ที่วัดมีการวางผังที่แปลกไป มีการใช้approachเข้ามาเกี่ยวข้อง การมอง การเดินเข้าถึงตัวอาคาร



วัดสุชาดาราม (อยู่ข้างๆกัน)




                   วัดนี้ได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์ค่อนข้างมาก มีการทำทางเดินคอนกรีต ปลูกหญ้าญี่ปุ่นเป็นลานก่อนถึงทางเข้าวิหาร แสดงเห็นเห็นถึงการใช้วัสดุและจัดภูมิทัศน์แบบสมัยใหม่
เมื่อเดินผ่านกำแพงแก้ว ทางเข้าหลักสู่ตัววิหารอยู่ทางด้านข้างของวิหาร เป็นลานยาวไม่กว้างนักขนาบกับตัววิหาร ก่อนผลักสู่ทางเข้าทางด้านหน้า(ทิศตะวันตก)



วัดบ่วงกรมทอง  ข้ า ว เ ห นี ย ว ห มู เ ย็ น ห ม ด แ ล้ ว ค่ ะ
                   ก่อนเราจะชมวัด เป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี ต่างคนต่างเตรียมสะเบียงงัดกันออกมาประชัน แต่ใครจะสู้อาจารย์ผู้สอนวิชา professional practice ท่านเป็น professional จริงๆไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องอาหารการกิน (น่าอร่อยทุดอย่างเลยค่ะ) อิ่มท้องแล้วก็เริ่มชมวัดกันค่ะ 
วัดนี้เป็นวัดแบบล้านนาที่ได้นำแนวคิดสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ด้วย (เพิ่งสร้างได้ไม่นาน) โดยกำแพงใช้การเรียงหินเพื่อให้เกิด textureแบบหยาบ ตามแบบสไตล์ F.L.wrigth  มีการใช้วัสดุท้องถิ่น หลังคาไม้ รอบวิหารออกแบบให้เป็นลานดินตามแบบฉบับดั้งเดิม




เมื่อเดินไปอีกฝั่งของโบถส์ จะพบกับเรือนไทยล้านนาแบบประยุกต์ ที่ผู้ออกแบบตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็นกุฏิสำหรับพระสงฆ์ แต่เนื่องจากตั้งอยู่ในทิศที่ไม่เป็นมงคลจึงปรับเปลี่ยนเป็นศูนย์การเรียนรู้ของเด็กในชุมชนในวันเสาร์ อาทิตย์

ด้านหลังวัดมีหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชาวบ้านมีวิถีการดำเนินชีวิตแบบพึ่งตนเอง มีการเลี้ยงหมู ปลูกผักและทำนา



2 7 / 0 7 / 1 0  “ เ ว ล า เ ดิ ม - อ า ห า ร เ ช้ า ร้ า น เ ดิ ม
วั น สุ ด ท้ า ย ที่ ลำ ป า ง วัดแรกที่เราไปวันนี้ชื่อแปลกดีค่ะ
วัดปงสนุก
                 วัดปงสนุก แบ่งออกเป็นวัดปงสนุกเหนือและวัดปงสนุกใต้ สาเหตุที่แยกเนื่องมาจากพระสงฆ์ สามเณรมีจำนวนมากขึ้น ทำให้วัดคับแคบ จึงสร้างวัดเพิ่มขึ้น ด้านหน้าก่อนเข้าสู่ตัววัดมีการทำซุ้มประตูแบบล้านนา

เมื่อเดินลอดผ่านซุ้มประตู เป็นบันไดทางขึ้นสู่ตัววิหารพระเจ้าพันองค์ 
ตัววิหารสร้างด้วยไม้ หลังคาเป็นลักษณะมณฑปหลังคาซ้อนสามชั้น บนสันหลังคาเหนือมุขทั้งสี่สร้างปราสาทไม้จำลองขนาดเล็กหุ้มด้วยสังกะสีฉลุ ลาย สื่อความหมายถึงทวีปทั้งสี่รอบเขาพระสุเมรุ ลักษณะตัวอาคารผสมผสานระหว่างศิลปกรรมล้านนา พม่าและจีน หลงเหลือเพียงอยู่แห่งเดียวในประเทศไทย ห้องกลางวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสี่องค์หันพระพักตร์ออกสี่ทิศประทับนั่ง ใต้โพธิ์พฤกษ์ทำด้วยตะกั่ว  วิหารวัดนี้เป็นวิหารที่มีทั้งความวิจิตรและพิสดารกว่าวัดอื่นที่ผ่านมา








วัดศรีรองเมือง
                 เป็นวัดที่มีลักษณะแบบศิลปะพม่า เนื่องจาก เป็นวัดที่ชาวพม่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบันมีอายุราว 103 ปี สร้างโดยช่างฝีมือจากพม่าล้วนๆ ซึ่งบางส่วนของจั่วหลังคาได้ถอดแบบมาจากปราสาทเมืองมัณฑเลย์ ประเทศพม่า
                   ตัววิหารสร้างด้วยไม้สัก หลังคาจั่วซ้อนกันเป็นซุ้มเรือนยอด เป็นกลุ่มของชั้นหลังคา สวยงามตามแบบศิลปะพม่า มีลายฉลุบนสังกะสี ใช้ประดับบนจั่ว และเชิงชายหลังคา เพิ่มความอ่อนช้อย และสง่างามให้วิหาร เสาไม้ตกแต่งด้วยศิลปะการปั้นรักเป็นลวดลายเครือดอกไม้ ประดับด้วยกระจกสี เฉพาะเสาหน้าพระประธาน จะปั้นรักเป็นรูปเทพารักษ์ คน ยักษ์ วานรและสัตว์ป่าให้เหมือนในป่าหินมพานต์ วัดนี้โดดเด่นเรื่อง interior มากค่ะ เข้าไปแล้วรู้สึก retro สามารถนำการใช้สีไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบซึ่งกำลังอยู่ในกระแสขณะนี้ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ





มุ่ ง ห น้ า     สุ โ ข ทั ย   ระหว่างการเดินทางก็ไม่พลาดที่จะแวะชมหมู่บ้านระหว่างทาง
อ้าววววววววว................ลงงง











2 8 / 0 7 / 1 0   “ส วั ส ดี  ส วั ส ดิ พ ง ษ์
                ตื่นเช้ามาพร้อมกับกิจวัตรเดิม คือเตรียมอาหารกลางวัน หนีไม่พ้นข้าวเหนียวหมูค่ะ ที่นี่เมืองเล็กๆ สงบ เรียบง่าย (เริ่มคิดถึงแสงสี) มี นวลเบเกอรี่ อร่อยมากค่ะ ไม่พูดมาก ออกเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
บนเนื้อที่เท่าไรไม่รู้ ใหญ่พอที่จะคลอบคลุมสรีดภงสดุ์ (เขื่อนที่เก็บน้ำสมัยโบราณ) และวัดอีกนับสิบ ที่นี่สวยมากค่ะ มองไปทางไหนก็เขียวชอุ่มชุ่มชื่น ชื้น ตามก้อนศิลาแรงมีตะไคร่ให้อารมณ์บอกไม่ถูก แต่อัศจรรย์จริงๆค่ะ ซากสถาปัตยกรรมที่แม้จะถูกเผาทำลายไปจนเกือบหมด เหลืองเพียงชิ้นส่วนที่เป็นศิลาแรง ทำให้ปรากฏเห็นเป็นระนาบของพื้นและผนังที่ชัดเจนมากขึ้น เส้นตั้งที่เกิดจากโครงสร้างเสา สัดส่วนที่สมดุล งดงาม โอบล้อมที่ว่างภายในอีกทั้งยังสอดรับกับที่ว่างและบริบทจากภายนอก การจัดภูมิทัศน์ เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดขอบเขต ทางเดิน การเข้าถึง
  ฉั น คิ ด ว่ า มั น . . . . . . สุ ด ย อ ด ม า ก เ  ล ย ค่ ะ
สรีดภงสดุ์











2 9 / 0 7 / 1 0   9 : 0 0 am  เ มื อ ง ลั บ แ ล
                เมืองที่เด็กหลายคนรวมทั้งตัวฉันเองมีความเชื่อว่าเข้าไปแล้วจะหายไปอย่างลึกลับ เมื่อมาถึงความรู้สึกนั้นก็แอบเกิดขึ้นอยู่บ้างค่ะ เพราะเมืองนี้ค่อนข้างสงบ เงียบ ถนนที่เล็กและเป็นซอกซอยบรรยากาศที่มีต้นไม้คลึ้มเย็นเยือกยิ่งทำให้ขนลุก  หมู่บ้านที่นี่ใช้ถนนดินเล็กๆในการเข้าถึง แต่ละบ้านยังคงไว้ซึ่งความเป็นชนบท ส่วนมากเป็นบ้านเก่าแก่ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ










วัดดอนสัก แห่งเมืองลับแล ลับแลจริงๆค่ะ
               วัดดอนสัก เรารับประทานอาหารกลางวันและร่วมกันทำบุญถวายหลอดไฟพรรษาที่นี่ค่ะ บรรยากาศในวัดค่อนข้างมืดครึ้ม ยุงและแมลงเยอะมากค่ะ แต่ถ้าไปอยู่ในกรุงเทพ ที่นี่เป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศร่มรื่นและเหมาะกับการนั่งกินไปคุยไปได้อย่างดีเลยค่ะ
ที่น่าสนใจคือวิหารที่ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยามีบานประตูแกะสลักงดงามเป็นลวดลายกนกก้านขด ไขว้ ประกอบด้วยรูป หงส์ รูปเทพพนม และยักษ์ หลังคามุงกระเบื้องดินเผาลดหลั่นลงเป็น ๓ ชั้น ด้านนอกส่วนหน้าบันประดับด้วยไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่าข้างๆวิหารเคยเป็นหลุมหลบภัยสมัยสงครามโลกด้วย


 ก่อนออกจากเมืองลับแล ชมหมู่บ้านอีกที





3 0 / 0 7 / 1 0    ที่ เ ก่ า เ ว ล า เ ดิ ม
อุทยานประวัตฺศาสตร์ศรีสัชนาลัย  ที่ เ ก่ า เ ว ล า ใ ห ม่
                เมื่อเข้าสู่เขตเมืองเก่า ฉันรู้สึกได้ถึงการมีเรื่องราว ทุกอย่างที่นี่เหมือนถูกหยุดเวลาไว้ตั้งแต่หลังจากการเข้าโจมตีของพม่าสงบลง พื้นที่รกล้างเป็นป่าค่อนข้างเยอะ อากาศค่อยชื้นและเย็นเยือกขึ้นตามลำดับเมือเข้าสู่ตัวอุทยาน แสงที่ส่องลอดผ่านม่านไม้ ช่วยทำให้เรารู้สึกอุ่นขึ้น ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส เหมือนอะไรก็ดูเย็นตาไปหมด  ฉันประทับใจที่นี่มากค่ะ จนอยากบอกอาจารย์ว่าพรุ่งนี้มาที่นี่อีกได้ไหมคะ ฉันพยายามเก็บเกี่ยวและซึมซับบรรยากาศที่นี่ให้ได้มากที่สุด จนเกือบตามไม่ทันกลุ่มเพื่อน ทุกมุม ทุกจุดสร้างความประทับใจให้ฉันได้มากอย่างบอกไม่ถูก
ร ะ น า บ  ผ นั ง แ ล ะ พื้ น 
เ ส้ น ตั้ ง ข อ ง เ ส า โ ค ร ง ส ร้ า ง
พื้ น แ ล ะ ผ นั ง แ ต่ ง แ ต้ ม ม อ ส แ ล ะ ต ะ ไ ค ร่
กิ่ ง ก้ า น ข อ ง ต้ น ไ ม่ ใ ห ญ่
แ ส ง แ ล ะ เ ง า
ที่ ว่ า ง ที่ เ ค ย ไ ม่ ว่ า ง

























31/07/10  9:00  am.   ถิ่ น ข น ม ผิ ง
วันนี้เรามาชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ อ.กงไกรลาศเป็นที่แรก ที่นี่เป็นชุมชนชาวจีนเล็กที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย บรรยากาศโดยรวมจึงเป็นห้องแถวไม้แบบโบราณขนาบสองข้างฝั่งถนน เดินลึกเข้าไปเป็นห้องแถวโบราณริมน้ำ ขนมขึ้นชื่อของที่นี่ แน่นอน ขนมผิง หอม หวาน รับประทานเป็นของขบเคี้ยวเพลินๆดีค่ะ









สนามบินสุโขทัย สวยที่สุดในประเทศไทย (เค้าว่ากัน)
                ออกแบบโดยบริษัท habita ตัวอาคารผู้โดยสารเป็นการประยุกต์เอารูปแบบดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมสุโขทัย ทั้งสัดส่วน และวัสดุให้เหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบัน เป็นกลุ่มอาคารชั้นเดียว  ผังบริเวณโดยรวมประกอบด้วยสนามบิน ส่วนเกษตรกรรม ส่วนปศุสัตว์ และส่วนโรงแรม ตั้งอยู่บนพื้นที่อันเวิ้งว้างกว้างใหญ่









โรงแรม

บรรยากาศภายในโรงแรม

หมู่บ้านและเตาทุเรียง
                ที่นี่ เรามาชมพิพิธภัณฑ์เตาทุเรียงและเครื่องสังคโลก เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่ใช้การระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ มีรูปแบบการจัดแสดงนิทรรศการถาวรที่น่าสนใจ คือมีการสร้างห้องนิทรรศการคลุมบริเวณที่มีการขุดเตาทุเรียงพบ และเปิดช่องแสงจากด้านบน นำแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ในห้องนิทรรศการ 

วิถีชีวิตและชุมชนในละแวกนั้น





0 1 / 0 8 / 1 0   “  F I N A L L Y ”
สุ โ ข ทั ย พิ ษ ณุ โ ล ก ก รุ ง เ ท พ
 วัดราชบูรณะ
               สันนิษฐาน ว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ประกอบด้วย พระอุโบสถ ก่ออิฐถือปูน หันหน้าไปทางทิศตะวันออกมีทางขึ้นลงทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้านละ 2 ประตู พื้นภายในยกระดับ บานประตูหน้าต่างแกะสลัก ผนังเขียนภาพจิตรกรรมรามเกียรติ์ รอบๆอาคารติดตั้งใบเสมาบนฐานก่ออิฐถือปูนรูปดอกบัวบาน รอบนอกทำเป็นกำแพงแก้วล้อมรอบอีกชั้น  พระวิหาร อยู่หลังพระอุโบสถ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก อาคารก่ออิฐถือปูน มีทางขึ้นลงทั้งด้านหน้าและหลังด้านละ 2 ประตู บานประตูแกะสลักไม้สัก ผนังภายในมีภาพจิตรกรรมพุทธประวัติ พระเจดีย์ ตั้งถัดลงมาด้านหลังพระวิหาร สันนิษฐานว่าประดิษฐานพระอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ


วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
                 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยมีความงดงามยิ่ง ถือได้ว่าเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองพิษณุโลกไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนสมัยสุโขทัย และเป็นอารามหลวงมาแต่เดิม ต่อมาเมื่อ ปีรัชกาลที่ 3ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ปัจจุบันจึงมีชื่อเต็มว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร 









                 ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธชินราช  มีความเชื่อว่ามีอิทธิอภินิหาร พุทธศาสนิกชนจึงนิยมมาสักการะ เพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นที่พึ่งทางใจ ปัจจุบันภูมิทัศน์ของวัดเปลี่ยนแปลงไปมาก พื้นที่กว่าครึ่งของวัด โดยรอบวิหารหลวง ถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นเต้นประชาสัมพันธ์ เช่าบูชาวัตถุมงคลต่างๆ ร้านขายของฝากที่อยู่รอบนอก บรรยากาศความเงียบสงบที่อารามควรมีเพื่อเป็นที่ก่อให้เกิดสมาธิและสติแก่พุทธศาสนิกชน ถูกทำลายโดยเสียงประชาสัมพันธ์ผู้หวังดีประสงค์ร้ายแก่วัด การทำบุญที่มีการโฆษณา และมีข้อเสนอเชิญชวนให้มีการบริจาคพร้อมแถมของสมนาคุณ เป็นที่สร้างความรำคาญให้กับหลายคนรวมทั้งคณะของเราอย่างมาก สถาปัตยกรรมที่งดงามที่บรรพบุรุษสรรสร้าง ปกป้องและหวงแหนได้ถูกทำลายจนไม่เหลือแม้กระทั่งซากปรักหักพัง
วัดนี้เป็นสถานที่สุดท้ายของการมา field trip ครั้งนี้ค่ะ เหมือนจะเป็นตัวจบงานที่กระตุ้นให้นักศึกษาอย่างฉันรู้ว่า 
" อ ะ ไ ร ที่ ใ ห ม่ ก ว่ า ไ ม่ ส า ม า ร ถ ม า แ ท น ที่ ห รื อ จ ะ ต้ อ ง ดี ก ว่ า สิ่ ง ที่ มี อ ยู่ เ ดิ ม เ ส ม อ ไ ป " 



ขอบคุณ
รศ.วิวัฒน์   เตมียภัณฑ์
และบรรดาอาจารย์ที่ร่วมมาทริปครั้งนี้
เพื่อนๆ สถ.5
พี่ปริญญาโท